คนไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับเป็นอันดับ 4 ของโลก รัฐขับเคลื่อน “มะเร็งครบวงจร”

ผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับระยะลุกลาม มีความก้าวหน้าในการรักษาด้วยยานวัตกรรมช่วยยืดอายุผู้ป่วย หวังนำเข้าสิทธิประโยชน์ของรัฐ

กรุงเทพฯ ประเทศไทย - 1 ธันวาคม 2567 - VOICE OF LIVER 2024 ฟังเสียงตับ รับมือมะเร็ง ครั้งที่ 3 จัดโดยมูลนิธิรักษ์ตับ ได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน กล่าวว่า “มะเร็งเป็นโรคท้าทายของระบบสาธารณสุข เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประชากรไทย ซึ่งข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ รายงานในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ ราว 1.4 แสนคนต่อปี เสียชีวิตประมาณ 84,000 คน”

นโยบาย 30 บาทพลัส ของกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้มะเร็งครบวงจรเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win  โดยมีโครงการ Cancer warrior เป็นตัวคัดกรองตรวจเจอได้เร็ว  เพื่อเข้าสู่การรักษาได้เร็ว  ปัจจุบันมะเร็งตับมียาและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงในการรักษาแบบครบวงจร ทั้งส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และประคับประคอง โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานประกันสังคม สนับสนุนในการตรวจคัดกรองให้ได้อย่างทั่วถึง

มะเร็งตับพบมากในเอเชีย

พญ.นภา ศิริวิวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์โรคมะเร็งตับในประเทศไทยว่า “พบผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจำนวนมากในเอเชีย 73.3% จากข้อมูล GLOBOCAN WHO: Liver 2020 โดยมะเร็งตับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น หลังจากเป็นโรคตับอักเสบบีและซี หรือการติดจากการใช้เข็มร่วมกัน โดยโรคตับอักเสบบีสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกถึง 90 % ในจำนวนนี้มีโอกาส 2 % ต่อปี ที่จะกลายเป็นโรคมะเร็งตับ ส่วนโรคตับอักเสบซีสามารถติดต่อทางเลือด มีโอกาสกลายเป็นโรคมะเร็งตับ 1-4 %ต่อปี”

ไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับ เป็นอันดับ 4 ของโลก

คนไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับเป็นอันดับ 4 ของโลก รัฐขับเคลื่อน “มะเร็งครบวงจร”

ผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับระยะลุกลาม มีความก้าวหน้าในการรักษาด้วยยานวัตกรรมช่วยยืดอายุผู้ป่วย หวังนำเข้าสิทธิประโยชน์ของรัฐ

กรุงเทพฯ ประเทศไทย - 1 ธันวาคม 2567 - VOICE OF LIVER 2024 ฟังเสียงตับ รับมือมะเร็ง ครั้งที่ 3 จัดโดยมูลนิธิรักษ์ตับ ได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน กล่าวว่า “มะเร็งเป็นโรคท้าทายของระบบสาธารณสุข เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประชากรไทย ซึ่งข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ รายงานในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ ราว 1.4 แสนคนต่อปี เสียชีวิตประมาณ 84,000 คน”

นโยบาย 30 บาทพลัส ของกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้มะเร็งครบวงจรเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win  โดยมีโครงการ Cancer warrior เป็นตัวคัดกรองตรวจเจอได้เร็ว  เพื่อเข้าสู่การรักษาได้เร็ว  ปัจจุบันมะเร็งตับมียาและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงในการรักษาแบบครบวงจร ทั้งส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และประคับประคอง โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานประกันสังคม สนับสนุนในการตรวจคัดกรองให้ได้อย่างทั่วถึง

มะเร็งตับพบมากในเอเชีย

พญ.นภา ศิริวิวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์โรคมะเร็งตับในประเทศไทยว่า “พบผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจำนวนมากในเอเชีย 73.3% จากข้อมูล GLOBOCAN WHO: Liver 2020 โดยมะเร็งตับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น หลังจากเป็นโรคตับอักเสบบีและซี หรือการติดจากการใช้เข็มร่วมกัน โดยโรคตับอักเสบบีสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกถึง 90 % ในจำนวนนี้มีโอกาส 2 % ต่อปี ที่จะกลายเป็นโรคมะเร็งตับ ส่วนโรคตับอักเสบซีสามารถติดต่อทางเลือด มีโอกาสกลายเป็นโรคมะเร็งตับ 1-4 %ต่อปี”

ไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับ เป็นอันดับ 4 ของโลก

คนไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับเป็นอันดับ 4 ของโลก รัฐขับเคลื่อน “มะเร็งครบวงจร”

ผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับระยะลุกลาม มีความก้าวหน้าในการรักษาด้วยยานวัตกรรมช่วยยืดอายุผู้ป่วย หวังนำเข้าสิทธิประโยชน์ของรัฐ

กรุงเทพฯ ประเทศไทย - 1 ธันวาคม 2567 - VOICE OF LIVER 2024 ฟังเสียงตับ รับมือมะเร็ง ครั้งที่ 3 จัดโดยมูลนิธิรักษ์ตับ ได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน กล่าวว่า “มะเร็งเป็นโรคท้าทายของระบบสาธารณสุข เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประชากรไทย ซึ่งข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ รายงานในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ ราว 1.4 แสนคนต่อปี เสียชีวิตประมาณ 84,000 คน”

นโยบาย 30 บาทพลัส ของกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้มะเร็งครบวงจรเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win  โดยมีโครงการ Cancer warrior เป็นตัวคัดกรองตรวจเจอได้เร็ว  เพื่อเข้าสู่การรักษาได้เร็ว  ปัจจุบันมะเร็งตับมียาและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงในการรักษาแบบครบวงจร ทั้งส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และประคับประคอง โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานประกันสังคม สนับสนุนในการตรวจคัดกรองให้ได้อย่างทั่วถึง

มะเร็งตับพบมากในเอเชีย

พญ.นภา ศิริวิวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์โรคมะเร็งตับในประเทศไทยว่า “พบผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจำนวนมากในเอเชีย 73.3% จากข้อมูล GLOBOCAN WHO: Liver 2020 โดยมะเร็งตับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น หลังจากเป็นโรคตับอักเสบบีและซี หรือการติดจากการใช้เข็มร่วมกัน โดยโรคตับอักเสบบีสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกถึง 90 % ในจำนวนนี้มีโอกาส 2 % ต่อปี ที่จะกลายเป็นโรคมะเร็งตับ ส่วนโรคตับอักเสบซีสามารถติดต่อทางเลือด มีโอกาสกลายเป็นโรคมะเร็งตับ 1-4 %ต่อปี”

ไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับ เป็นอันดับ 4 ของโลก

คนไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับเป็นอันดับ 4 ของโลก รัฐขับเคลื่อน “มะเร็งครบวงจร”

ผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับระยะลุกลาม มีความก้าวหน้าในการรักษาด้วยยานวัตกรรมช่วยยืดอายุผู้ป่วย หวังนำเข้าสิทธิประโยชน์ของรัฐ

กรุงเทพฯ ประเทศไทย - 1 ธันวาคม 2567 - VOICE OF LIVER 2024 ฟังเสียงตับ รับมือมะเร็ง ครั้งที่ 3 จัดโดยมูลนิธิรักษ์ตับ ได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน กล่าวว่า “มะเร็งเป็นโรคท้าทายของระบบสาธารณสุข เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประชากรไทย ซึ่งข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ รายงานในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ ราว 1.4 แสนคนต่อปี เสียชีวิตประมาณ 84,000 คน”

นโยบาย 30 บาทพลัส ของกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้มะเร็งครบวงจรเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win  โดยมีโครงการ Cancer warrior เป็นตัวคัดกรองตรวจเจอได้เร็ว  เพื่อเข้าสู่การรักษาได้เร็ว  ปัจจุบันมะเร็งตับมียาและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงในการรักษาแบบครบวงจร ทั้งส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และประคับประคอง โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานประกันสังคม สนับสนุนในการตรวจคัดกรองให้ได้อย่างทั่วถึง

มะเร็งตับพบมากในเอเชีย

พญ.นภา ศิริวิวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์โรคมะเร็งตับในประเทศไทยว่า “พบผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจำนวนมากในเอเชีย 73.3% จากข้อมูล GLOBOCAN WHO: Liver 2020 โดยมะเร็งตับเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น หลังจากเป็นโรคตับอักเสบบีและซี หรือการติดจากการใช้เข็มร่วมกัน โดยโรคตับอักเสบบีสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกถึง 90 % ในจำนวนนี้มีโอกาส 2 % ต่อปี ที่จะกลายเป็นโรคมะเร็งตับ ส่วนโรคตับอักเสบซีสามารถติดต่อทางเลือด มีโอกาสกลายเป็นโรคมะเร็งตับ 1-4 %ต่อปี”

ไทยเสียชีวิตจากมะเร็งตับ เป็นอันดับ 4 ของโลก

นพ. จำรัส  พงษ์พิศ  อายุรแพทย์ โรคระบบทางเดินอาหารและตับ รพ.หนองคาย และตัวแทนมูลนิธิรักษ์ตับ กล่าวว่า  “ในประเทศไทย อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งตับสูงถึง 26,704 รายต่อปี เป็นอันดับ 4 ของโลก มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เฉลี่ยทุกๆ 1 ชั่วโมง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทย เมื่อเทียบกับโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ มะเร็งเซลล์ตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว ทำให้การรักษาได้ผลไม่ดี และมีโอกาสหายต่ำ การพิจรณายารักษาโรคมะเร็งเซลล์ตับเป็นภาวะเร่งด่วนจึงอยากให้ทุกภาคส่วนร่วมกันหารือ เพื่อสิทธิประโยชน์ชองคนไทย”

นพ. จำรัส  พงษ์พิศ  อายุรแพทย์ โรคระบบทางเดินอาหารและตับ รพ.หนองคาย และตัวแทนมูลนิธิรักษ์ตับ กล่าวว่า  “ในประเทศไทย อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งตับสูงถึง 26,704 รายต่อปี เป็นอันดับ 4 ของโลก มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เฉลี่ยทุกๆ 1 ชั่วโมง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทย เมื่อเทียบกับโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ มะเร็งเซลล์ตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว ทำให้การรักษาได้ผลไม่ดี และมีโอกาสหายต่ำ การพิจรณายารักษาโรคมะเร็งเซลล์ตับเป็นภาวะเร่งด่วนจึงอยากให้ทุกภาคส่วนร่วมกันหารือ เพื่อสิทธิประโยชน์ชองคนไทย”

จากสถิติพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ สามารถป้องกันการสูญเสียการมองเห็นได้ถึง 95%11 นพ. ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์ กล่าวเสริม "ในกรณีของผู้ป่วยที่มีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา หากผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาการของโรคมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นได้ภายในระยะเวลา 3-5 ปี และมีโอกาสสูงที่ผู้ป่วยจะสามารถหยุดยาได้"

"โชคดีที่ดิฉันได้รับการรักษาทันเวลา หลังได้รับการฉีดยาเข้าไปในน้ำวุ้นลูกตาที่ยับยั้งสองกลไก (Anti Ang-2/VEGF)  พร้อมกับการลดน้ำตาลและดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้การมองเห็นของดิฉันกลับมาดีขึ้น ปัจจุบันคุณหมอบอกว่าผลลัพธ์คือเหมือนคนปกติแล้ว ด้วยการมาพบแพทย์ตามนัดหมายเพียง 3 เดือน ครั้ง เท่านั้น" คุณ อัจฉรา กล่าว

"อยากฝากถึงคนไทยทุกคน ให้ดูแลสุขภาพตั้งแต่เริ่มต้นไม่ว่าจะเรื่องของอาหารการกินที่ดีต่อสุขภาพและถูกสุขลักษณะ พร้อมกับการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย และไม่ประมาทกับชีวิต เพราะอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย" คุณ อัจฉรา กล่าวเสริม

"ผู้ที่มีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาหรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ควรปรับพฤติกรรมและควบคุมโรคประจำตัวให้ดี โดยเฉพาะการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม, ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, งดการสูบบุหรี่ และควรต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องตามการนัดของแพทย์ นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรหมั่นตรวจสุขภาพตากับจักษุแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อการวินิจฉัยที่เร็วและเริ่มการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการสูญเสียการมองเห็น เพราะการมองเห็นที่ชัดเจนเป็นส่วนสำคัญยิ่งกับคุณภาพชีวิต” นพ. ธนาพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

#worlddiabetesday2024 #เบาหวานขึ้นตา #ภัยเงียบที่คุกคามดวงตา #ตรวจตาเป็นประจำ #ตาพร่ามัวอย่าชะล่าใจ

อ้างอิง:

  1. J Med Assoc Thai Vol. 100 Suppl. 1 2017

  2. https://www.nuhs.edu.sg/patient-care/find-a-condition/diabetic-retinopathy

  3. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=21692

  4. ตัวชี้วัดสำคัญประเทศไทย พ.ศ. 2567 https://www.nso.go.th/public/e-book/Indicators-Thailand/Thailand-Indicators-2567/22/ และ รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/report/sreport6/sreport6_full.pdf

  5. https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/report/sreport6/sreport6_full.pdf

  6. Leasher, J. L. et al. Global Estimates on the Number of People Blind or Visually Impaired by Diabetic Retinopathy: A Meta-Analysis from 1990 to 2010. Diabetes Care. 2016; 39:1643–9.

  7. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC4775164/

  8. Heier JS et al. Efficacy, durability, and safety of intravitreal faricimab up to every 16 weeks for neovascular age-related macular degeneration (TENAYA and LUCERNE): two randomised, double-masked, phase 3, non-inferiority trials. www.thelancet.com Published online January 24, 2022 https://doi.org/10.1016/S0140-6736(22)00010-1

  9. Wykoff CC et al. Efficacy, durability, and safety of intravitreal faricimab with extended dosing up to every 16 weeks in patients with diabetic macular oedema (YOSEMITE and RHINE): two randomised, double-masked, phase 3 trials. www.thelancet.com Published online January 24, 2022 https://doi.org/10.1016/S0140-6736(22)00018-6

  10. Roche Data on File. July 2024

  11. https://www.nuhs.edu.sg/patient-care/find-a-condition/diabetic-retinopathy

การรักษาภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาในประเทศไทยมีวิวัฒนาการดีขึ้นจากเมื่อก่อน นพ. ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์ อธิบายว่า "เมื่อราว 10 กว่าปีที่แล้ว แนวทางการรักษาหลักของโรคทางจอประสาทตา รวมถึงภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาคือ การใช้เลเซอร์ ซึ่งวิธีดังกล่าวมักจะไม่สามารถทำให้การมองเห็นดีขึ้นได้มาก แต่การใช้เลเซอร์มีส่วนช่วยชะลอไม่ให้โรคลุกลามแย่ลงได้  ต่อมา มีการพัฒนาเป็นยาฉีดเข้าไปในน้ำวุ้นลูกตา โดยเป็นยาที่ออกฤทธิ์กลไกเดียวโดยยับยั้งที่ VEGF (Anti-VEGF) ช่วยลดการงอกของเส้นเลือดที่จอประสาทตา ผลที่ได้คือสามารถทำให้คุณภาพการมองเห็นของผู้ป่วยดีขึ้นได้ อย่างไรก็ดีการมองเห็นที่ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจำเป็นต้องทำการฉีดยาเข้าน้ำวุ้นตาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความถี่ในการฉีดยาแต่ละชนิดแตกต่างกันไป บางชนิดผู้ป่วยต้องเข้ารับการฉีดยาบ่อยทุก 1-2 เดือน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ระยะทางจากบ้านและโรงพยาบาลห่างไกลกันมาก หรืออยู่คนละจังหวัด ผู้ป่วยที่มีคุณภาพการมองเห็นไม่ดีจำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้ดูแลซึ่งอาจจำเป็นต้องลางานมาโรงพยาบาลบ่อยๆ ปัจจุบัน ยาฉีดเข้าไปในน้ำวุ้นลูกตามีการพัฒนามากขึ้น เป็น dual pathway inhibitor (Anti Ang-2/VEGF) ซึ่งยับยั้งสองกลไกหลักของการเกิดโรค คือ ยับยั้งทั้ง VEGF และ Ang-2 ที่นอกจากจะช่วยลดการงอกของเส้นเลือดแล้ว ยังช่วยลดการรั่วของเส้นเลือด ลดการอักเสบของเส้นเลือด และทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตามีความแข็งแรงมากขึ้น ยากลุ่มนี้จึงออกฤทธิ์ได้นานกว่าเดิม ทำให้ลดความถี่ในการฉีดยาลงได้ จากผลการวิจัยทางคลินิก, พบว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยในงานวิจัยได้รับการฉีดยาเพียง 4 เดือน ครั้ง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ดีกว่าเดิม  ส่วนเรื่องของความปลอดภัยและอาการข้างเคียง จากผลการวิจัยทางคลินิก8,9 ในผู้ป่วยมากกว่า 3,200 ราย และผู้ป่วยที่มีประสบการณ์ได้รับยาจากการรักษาจริงอีกราว 4,000,000 เข็ม10 ยังไม่พบความแตกต่างของอาการข้างเคียงระหว่างยา dual pathway inhibitor (Anti Ang-2/VEGF) กับยาฉีดชนิดเดิมที่เคยมีมาในอดีตแต่อย่างใด ”

จากสถิติพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ สามารถป้องกันการสูญเสียการมองเห็นได้ถึง 95%11 นพ. ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์ กล่าวเสริม "ในกรณีของผู้ป่วยที่มีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา หากผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาการของโรคมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นได้ภายในระยะเวลา 3-5 ปี และมีโอกาสสูงที่ผู้ป่วยจะสามารถหยุดยาได้"

"โชคดีที่ดิฉันได้รับการรักษาทันเวลา หลังได้รับการฉีดยาเข้าไปในน้ำวุ้นลูกตาที่ยับยั้งสองกลไก (Anti Ang-2/VEGF)  พร้อมกับการลดน้ำตาลและดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้การมองเห็นของดิฉันกลับมาดีขึ้น ปัจจุบันคุณหมอบอกว่าผลลัพธ์คือเหมือนคนปกติแล้ว ด้วยการมาพบแพทย์ตามนัดหมายเพียง 3 เดือน ครั้ง เท่านั้น" คุณ อัจฉรา กล่าว

"อยากฝากถึงคนไทยทุกคน ให้ดูแลสุขภาพตั้งแต่เริ่มต้นไม่ว่าจะเรื่องของอาหารการกินที่ดีต่อสุขภาพและถูกสุขลักษณะ พร้อมกับการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย และไม่ประมาทกับชีวิต เพราะอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย" คุณ อัจฉรา กล่าวเสริม

"ผู้ที่มีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาหรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ควรปรับพฤติกรรมและควบคุมโรคประจำตัวให้ดี โดยเฉพาะการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม, ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, งดการสูบบุหรี่ และควรต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องตามการนัดของแพทย์ นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรหมั่นตรวจสุขภาพตากับจักษุแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อการวินิจฉัยที่เร็วและเริ่มการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการสูญเสียการมองเห็น เพราะการมองเห็นที่ชัดเจนเป็นส่วนสำคัญยิ่งกับคุณภาพชีวิต” นพ. ธนาพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

#worlddiabetesday2024 #เบาหวานขึ้นตา #ภัยเงียบที่คุกคามดวงตา #ตรวจตาเป็นประจำ #ตาพร่ามัวอย่าชะล่าใจ

อ้างอิง:

  1. J Med Assoc Thai Vol. 100 Suppl. 1 2017

  2. https://www.nuhs.edu.sg/patient-care/find-a-condition/diabetic-retinopathy

  3. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=21692

  4. ตัวชี้วัดสำคัญประเทศไทย พ.ศ. 2567 https://www.nso.go.th/public/e-book/Indicators-Thailand/Thailand-Indicators-2567/22/ และ รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/report/sreport6/sreport6_full.pdf

  5. https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/report/sreport6/sreport6_full.pdf

  6. Leasher, J. L. et al. Global Estimates on the Number of People Blind or Visually Impaired by Diabetic Retinopathy: A Meta-Analysis from 1990 to 2010. Diabetes Care. 2016; 39:1643–9.

  7. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC4775164/

  8. Heier JS et al. Efficacy, durability, and safety of intravitreal faricimab up to every 16 weeks for neovascular age-related macular degeneration (TENAYA and LUCERNE): two randomised, double-masked, phase 3, non-inferiority trials. www.thelancet.com Published online January 24, 2022 https://doi.org/10.1016/S0140-6736(22)00010-1

  9. Wykoff CC et al. Efficacy, durability, and safety of intravitreal faricimab with extended dosing up to every 16 weeks in patients with diabetic macular oedema (YOSEMITE and RHINE): two randomised, double-masked, phase 3 trials. www.thelancet.com Published online January 24, 2022 https://doi.org/10.1016/S0140-6736(22)00018-6

  10. Roche Data on File. July 2024

  11. https://www.nuhs.edu.sg/patient-care/find-a-condition/diabetic-retinopathy

การรักษาภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาในประเทศไทยมีวิวัฒนาการดีขึ้นจากเมื่อก่อน นพ. ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์ อธิบายว่า "เมื่อราว 10 กว่าปีที่แล้ว แนวทางการรักษาหลักของโรคทางจอประสาทตา รวมถึงภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาคือ การใช้เลเซอร์ ซึ่งวิธีดังกล่าวมักจะไม่สามารถทำให้การมองเห็นดีขึ้นได้มาก แต่การใช้เลเซอร์มีส่วนช่วยชะลอไม่ให้โรคลุกลามแย่ลงได้  ต่อมา มีการพัฒนาเป็นยาฉีดเข้าไปในน้ำวุ้นลูกตา โดยเป็นยาที่ออกฤทธิ์กลไกเดียวโดยยับยั้งที่ VEGF (Anti-VEGF) ช่วยลดการงอกของเส้นเลือดที่จอประสาทตา ผลที่ได้คือสามารถทำให้คุณภาพการมองเห็นของผู้ป่วยดีขึ้นได้ อย่างไรก็ดีการมองเห็นที่ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจำเป็นต้องทำการฉีดยาเข้าน้ำวุ้นตาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความถี่ในการฉีดยาแต่ละชนิดแตกต่างกันไป บางชนิดผู้ป่วยต้องเข้ารับการฉีดยาบ่อยทุก 1-2 เดือน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ระยะทางจากบ้านและโรงพยาบาลห่างไกลกันมาก หรืออยู่คนละจังหวัด ผู้ป่วยที่มีคุณภาพการมองเห็นไม่ดีจำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้ดูแลซึ่งอาจจำเป็นต้องลางานมาโรงพยาบาลบ่อยๆ ปัจจุบัน ยาฉีดเข้าไปในน้ำวุ้นลูกตามีการพัฒนามากขึ้น เป็น dual pathway inhibitor (Anti Ang-2/VEGF) ซึ่งยับยั้งสองกลไกหลักของการเกิดโรค คือ ยับยั้งทั้ง VEGF และ Ang-2 ที่นอกจากจะช่วยลดการงอกของเส้นเลือดแล้ว ยังช่วยลดการรั่วของเส้นเลือด ลดการอักเสบของเส้นเลือด และทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตามีความแข็งแรงมากขึ้น ยากลุ่มนี้จึงออกฤทธิ์ได้นานกว่าเดิม ทำให้ลดความถี่ในการฉีดยาลงได้ จากผลการวิจัยทางคลินิก, พบว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยในงานวิจัยได้รับการฉีดยาเพียง 4 เดือน ครั้ง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ดีกว่าเดิม  ส่วนเรื่องของความปลอดภัยและอาการข้างเคียง จากผลการวิจัยทางคลินิก8,9 ในผู้ป่วยมากกว่า 3,200 ราย และผู้ป่วยที่มีประสบการณ์ได้รับยาจากการรักษาจริงอีกราว 4,000,000 เข็ม10 ยังไม่พบความแตกต่างของอาการข้างเคียงระหว่างยา dual pathway inhibitor (Anti Ang-2/VEGF) กับยาฉีดชนิดเดิมที่เคยมีมาในอดีตแต่อย่างใด ”

จากสถิติพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ สามารถป้องกันการสูญเสียการมองเห็นได้ถึง 95%11 นพ. ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์ กล่าวเสริม "ในกรณีของผู้ป่วยที่มีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา หากผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยนวัตกรรมใหม่ พร้อมกับควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาการของโรคมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นได้ภายในระยะเวลา 3-5 ปี และมีโอกาสสูงที่ผู้ป่วยจะสามารถหยุดยาได้"

"โชคดีที่ดิฉันได้รับการรักษาทันเวลา หลังได้รับการฉีดยาเข้าไปในน้ำวุ้นลูกตาที่ยับยั้งสองกลไก (Anti Ang-2/VEGF)  พร้อมกับการลดน้ำตาลและดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้การมองเห็นของดิฉันกลับมาดีขึ้น ปัจจุบันคุณหมอบอกว่าผลลัพธ์คือเหมือนคนปกติแล้ว ด้วยการมาพบแพทย์ตามนัดหมายเพียง 3 เดือน ครั้ง เท่านั้น" คุณ อัจฉรา กล่าว

"อยากฝากถึงคนไทยทุกคน ให้ดูแลสุขภาพตั้งแต่เริ่มต้นไม่ว่าจะเรื่องของอาหารการกินที่ดีต่อสุขภาพและถูกสุขลักษณะ พร้อมกับการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย และไม่ประมาทกับชีวิต เพราะอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย" คุณ อัจฉรา กล่าวเสริม

"ผู้ที่มีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาหรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ควรปรับพฤติกรรมและควบคุมโรคประจำตัวให้ดี โดยเฉพาะการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม, ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, งดการสูบบุหรี่ และควรต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องตามการนัดของแพทย์ นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรหมั่นตรวจสุขภาพตากับจักษุแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อการวินิจฉัยที่เร็วและเริ่มการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการสูญเสียการมองเห็น เพราะการมองเห็นที่ชัดเจนเป็นส่วนสำคัญยิ่งกับคุณภาพชีวิต” นพ. ธนาพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

#worlddiabetesday2024 #เบาหวานขึ้นตา #ภัยเงียบที่คุกคามดวงตา #ตรวจตาเป็นประจำ #ตาพร่ามัวอย่าชะล่าใจ

อ้างอิง:

  1. J Med Assoc Thai Vol. 100 Suppl. 1 2017

  2. https://www.nuhs.edu.sg/patient-care/find-a-condition/diabetic-retinopathy

  3. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=21692

  4. ตัวชี้วัดสำคัญประเทศไทย พ.ศ. 2567 https://www.nso.go.th/public/e-book/Indicators-Thailand/Thailand-Indicators-2567/22/ และ รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 - 2563 https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/report/sreport6/sreport6_full.pdf

  5. https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/report/sreport6/sreport6_full.pdf

  6. Leasher, J. L. et al. Global Estimates on the Number of People Blind or Visually Impaired by Diabetic Retinopathy: A Meta-Analysis from 1990 to 2010. Diabetes Care. 2016; 39:1643–9.

  7. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC4775164/

  8. Heier JS et al. Efficacy, durability, and safety of intravitreal faricimab up to every 16 weeks for neovascular age-related macular degeneration (TENAYA and LUCERNE): two randomised, double-masked, phase 3, non-inferiority trials. www.thelancet.com Published online January 24, 2022 https://doi.org/10.1016/S0140-6736(22)00010-1

  9. Wykoff CC et al. Efficacy, durability, and safety of intravitreal faricimab with extended dosing up to every 16 weeks in patients with diabetic macular oedema (YOSEMITE and RHINE): two randomised, double-masked, phase 3 trials. www.thelancet.com Published online January 24, 2022 https://doi.org/10.1016/S0140-6736(22)00018-6

  10. Roche Data on File. July 2024

  11. https://www.nuhs.edu.sg/patient-care/find-a-condition/diabetic-retinopathy

นพ. จำรัส  พงษ์พิศ  อายุรแพทย์ โรคระบบทางเดินอาหารและตับ รพ.หนองคาย และตัวแทนมูลนิธิรักษ์ตับ กล่าวว่า  “ในประเทศไทย อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งตับสูงถึง 26,704 รายต่อปี เป็นอันดับ 4 ของโลก มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เฉลี่ยทุกๆ 1 ชั่วโมง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทย เมื่อเทียบกับโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ มะเร็งเซลล์ตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว ทำให้การรักษาได้ผลไม่ดี และมีโอกาสหายต่ำ การพิจรณายารักษาโรคมะเร็งเซลล์ตับเป็นภาวะเร่งด่วนจึงอยากให้ทุกภาคส่วนร่วมกันหารือ เพื่อสิทธิประโยชน์ชองคนไทย”

ยานวัตกรรมรักษามะเร็งเซลล์ตับระยะลุกลาม

พ.อ.ผศ.นพ.ไนยรัฐ ประสงค์สุข  อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา รพ.พระมงกุฎเกล้าและหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านโรคมะเร็ง  รพ.พระมงกุฏเกล้า  อธิบายถึงการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับว่า “ผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับระยะลุกลาม จำเป็นต้องให้การรักษาด้วยยา ได้แก่ 1. ยามุ่งเป้า ทำหน้าที่ไปยับยั้งไม่ให้มีการแบ่งตัว มีอัตรารอดชีวิตราว 10-13 เดือน 2. ยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกับยาต้านการสร้างหลอดเลือด เป็นยาฉีด มีอัตรารอดชีวิตราว 19.2 เดือนในผู้ป่วยทั่วโลก และ 24 เดือนในผู้ป่วยในประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียาดังกล่าว บรรจุอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ”

ยกระดับสิทธิประโยชน์ผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับ

วีรยุทธ ยอดคำ ผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับระยะลุกลาม เผยว่า “ผมป่วยมาตั้งแต่ปี 2562 คุณหมอแนะนำให้รักษาด้วยการรับประทานยาต้านไวรัสแล้วค่อยใช้ยาพุ่งเป้ารักษามะเร็งอีกที เพราะเคสผมเป็นระยะลุกลาม เนื่องจากเป็นไวรัสตับอักเสบซี ผมรับประทานยาเม็ดได้ประมาณ 2-3 เดือน แล้วเกิดอาการข้างเคียงเยอะมาก มือเท้าแตก จับอะไรนิดหน่อยเป็นแผลแตกหมดเลย ใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างลำบากจึงขอเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น และได้รับยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกับยาต้านการสร้างหลอดเลือด พบว่าดีขึ้น ไม่มีผลข้างเคียง และน้ำหนักเพิ่มขึ้น จากตอนแรกที่คิดว่าตัวเองคงไม่รอด ปัจจุบันผมพบหมอทุกๆ 3 สัปดาห์ เพื่อมารับยา แต่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เพราะยาไม่ได้อยู่ในสิทธิ์รักษา 30 บาท”

ด้านนพ.จักรกริช โง้วศิริ  ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า ยารักษามะเร็ง เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ควรจะได้รับ ซึ่งบทบาทหน้าที่ของสปสช. ทำให้คนไทยทุกคนและทุกสิทธิได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน

“การจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ ตัวยาใหม่ๆ เข้ามาทดแทนยาเดิม ภายใต้มติของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า หากมียาตัวใดที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงจากยาเดิม หรือลดลงจากยาเดิมได้ ยานั้นก็สามารถเข้ามาทดแทนได้เลย โดยไม่ต้องรอให้บรรจุเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติก่อน เพราะอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี” นพ. จักรกริชกล่าว

ขณะที่ ศ.นพ.พิสิฐ ตั้งกิจวานิชย์ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ  และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคตับอักเสบและมะเร็งตับ  คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย เสนอว่า  “แม้อยากรักษาทุกคน แต่ยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น หากพิจารณาเลือกคนที่เหมาะสมที่จะรับยารักษาในระยะลุกลามก่อน เช่น คนที่ได้ผลดี มีอายุที่ยืนยาวกว่า เป็นต้น เพื่อให้เข้าถึงการรักษาทั่วถึง คนได้ประโยชน์สูงสุด ภายใต้การหารือของผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังมีการศึกษาข้อมูลการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดในประเทศไทยพบว่าข้อมูลด้านประสิทธิภาพของคนไทยไม่แตกต่างจากข้อมูลการศึกษาของทั่วโลก”

การจัดงานครั้งนี้ สนับสนุนโดย โรช ไทยแลนด์ หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการดูแลสุขภาพของไทยที่ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

M-TH-00003560

This website contains information on products which is targeted to a wide range of audiences and could contain product details or information otherwise not accessible or valid in your country. Please be aware that we do not take any responsibility for accessing such information which may not comply with any legal process, regulation, registration or usage in the country of your origin. which is targeted to a wide range of audiences and could contain product details or information otherwise not accessible or valid

ติดต่อสาขาของโรชlinkedinfacebooktwitterinstagramyoutubeเกี่ยวกับโรชหน่วยธุรกิจยาร่วมงานกับเราข่าวสารบทความRoche Privacy PolicyRoche Privacy Notice (HCPs)Roche Privacy Policy for PatientsRoche Privacy Policy for Contract PartiesRoche Privacy & Communication TermsLegal statementCCTV Privacy